บทความ เดิน Burn ไขมัน Ratchada fit 24

การเดิน เป็นการเบิร์นไขมัน อีกหนึ่งวิธี ที่หลาย ๆ คนมองข้าม เพราะ มีความคิดที่ว่า การเดิน ไม่สามามารถ เผาผลาญไขมันได้ดีเท่ากับ การวิ่ง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้าม แต่ การเดินนั้น ช่วยให้เราเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี

หากพูดถึงการเดิน เพื่อลดน้ำหนัก ในปัจจุบันกลายเป็นกระแสอย่างมาก เนื่องจาก ในปัจจุบันนั้น ผู้คนก็ต่างหันมา ให้ความสำคัญ กับการลดน้ำหนัก การดูแลสุขภาพ และ การเดิน การวิ่ง ยังเป็นกิจกรรม ที่สำคัญ ของชาวเฮลตี้ หรือ กลุ่มคน ที่รักสุขภาพ เพราะ การเดิน เป็นการออกกำลังกาย ที่สามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องพึ่ง อุปกรณ์ใด ๆ ไม่ว่าจะเดินภายในห้อง หรือ เดิน ที่ส่วนสาธารณะ หรือ บางคน ก็เดินบนลู่วิ่ง และ การเดินยังเป็นกิจกรรม ที่เราสามารถ ทำได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเดินขึ้นบันใด ดังนั้นการเดิน จึงเหมาะมาก สำหรับคน ที่ไม่มีเวลา ออกกำลังกายแล้ว อยากจะลดความอ้วน หรือ คนที่อยากกำลังกาย เพื่อสุขภาพ

3. เทคนิค ในการเดิน

1. เดินวันละ 30 – 60 นาที

การเดินเพื่อลดความอ้วนนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ระยะทางที่ไกล หรือ การเดินที่เร็ว แต่การเดิน เพื่อลดความอ้วนนั้น ต้องการการเดินอย่าง สม่ำเสมอ ดังนั้น การเดินเพื่อลดน้ำหนัก เราจะต้องอาศัย การเดินที่มีระยะการเดิน หรือ เพลส ของเราให้คงที่ เพราะถ้าหาก เรามีการเดิน ที่เร็วบ้าง ช้าบ้าง การเดินเพื่อลดของเรา ก็อาจจะเห็นผลได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก ดังนั้น การเดิน มือใหม่หลาย ๆ คน อาจจะกังวล กับการนับก้าวเดินให้ถึง เป้าหมายที่เราตั้ง ในทางจิตวิทยากล่าวไว้ว่า หากเราเดินแล้ว โฟกัส ที่การนับก้าวเดิน จะทำให้การเดินของเรา มีประสิทธิภาพที่ไม่เต็มที่ และ ทำให้เราหมดกำลังใจ เพราะฉะนั้นแล้ว สำหรับมอใหม่ เดินไปเรื่อย ๆ คนครบระยะเวลา และ ระยะทางที่เราอยากจะเดินให้ถึง

2. เดินสม่ำเสมอ

การเดินอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายของเรา เผาผลาญไขมันได้ดี และ สิ่งสำคัญที่สุด สำหรับการออกกำลังกาย ก็คือ ความสม่ำเสมอ ในการออกกำลังกาย อาจจะทำให้เรา เกิดความเบื่อทำให้เรา เลิกออกกำบังกายได้ หรือ ในบางครั้ง มีกิจอื่น ๆ เข้ามาแทรกการออกออกกำลังกายของเรา เราควรจะหาวิธี เพื่อให้เรา ได้ออกกำลังกาย อย่างเสมอเสมอ ทุกวัน  อย่างการหาเวลาว่างเพื่อเดิน เช่น การเดินไปซื้อของ เดินเล่นเพื่อความผ่อนคลาย เดินไปปากซอย เป็นต้น

3. ควรเดินเวลาไหน

สำหรับการเดินนั้น เราสามารถเดินได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็น เช้า กลางวันเย็น ขึ้นอยู่กับความสะดวก  และ วิถีชีวิตของแต่ละคน หากให้เลือกระยะเวลาในการ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ก็คือช่วงเช้า เพราะ ช่วงเช้านั้น จะทำให้ร่างกายของเรา เอาพลังงานสำรอง หรือ ไขมันมาใช้ได้ดีกว่า การเดิน ในช่วงเย็นนั่นเอง

การเดินที่ถูกต้อง

1. ก้าวเท้าไปข้างหน้า น้ำหนักลงที่ส้นเท้า งอแขนให้ขนานกับพื้น ตำแหน่งของศอก อยู่ตรงกับสะโพก

2. ก้าวขาสลับกันไปมา เหมือนการเดินปกติ แต่เพิ่มการแกว่งแขนเข้ามา

3. มีสมาธิกับการเดิน

ข้อดีของการเดิน

1. การเดิน ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือด ทำงานได้ดีขึ้น และ ช่วยให้หัวใจของเรา แข็งแรง

2. การเดิน เป็นการเผาผลาญไขมัน และ แคลอรี่ได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะอย่างมาก กับคนที่ต้องการบดน้ำหนัก

3. ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และ เผาผลาญไขมันได้เยอะกว่าอื่น ๆ เพราะเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และ ยังช่วยทำให้ขาของเรา ดูเรียว สวยอีกด้วย

4. การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ ไม่มีผลกระทบ ในระยะยาว 

5. การเดิน ช่วยบริหารข้อต่อต่าง ๆ ให้ทำงานได้ดีขึ้น

6. การเดิน ช่วยให้ร่างกาย ของเราสามารถ รับออกซิเจน ได้ดีขึ้น

7. การเดิน นอกจากจะทำให้เรา ได้ออกกำลังกายแล้ว การเดิน ยังทำให้เราประหยัด ค่าใช่จ่ายต่าง ๆ ได้ เช่นการนั่งวิน ไปหน้าปากซอย หรือ ไปซื้อของ

ดังนั้น การเดิน ไม่ว่า คุณมีเวลา หรือ มีเวลาที่น้อย เราก็สามารถเดินได้ โดยเริ่มจาก การลุกเดินบ่อย ๆ พอเริ่มทำได้แล้ว ก็ให้เรา จัดเวลา ในการเดินอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเดิน ในช่วงเช้า หรือ จะเดินในเย็น หรือ จะช่วงเวลา ก็สามารถทำได้ การออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ดี เพราะ จะทำให้การทำงาน ต่าง ๆ ในร่างกายของเรา ทำงานได้ดีขึ้นนั่นเอง  เพราะฉะนั้นแล้ว ในแต่ละวัน เราควร มีการเดินบ่อย ๆ  โดยที่ไม่จะเป็นว่า จะต้องเดินบนลูวิ่ง หรือ เดินที่สวนสาธารณะ เท่านั้น การเดิน เพื่อลดน้ำหนัก สามารถเดินได้ทุกที่

อ่านบทความเพิ่มเติม

ออกกำลังกาย อย่างไร ไม่ให้เบื่อ

ออกกำลังกาย ด้วยการ วิ่ง ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด